เพื่อนกันแต่มันเขิน
Chanyeol x Kyungsoo
โดคยองซูเด็กหนุ่มมหาวิทยาลัยด้วยเพราะรูปร่างที่ค่อนไปทางเล็ก
หรือที่เพื่อนๆส่วนใหญ่นิยามว่าเตี้ย ทำให้เขาดูเหมือนเด็กมัธยมมากกว่าที่จะเป็นเด็กมหาวิทยาลัย
ไหนจะใบหน้านิ่งๆที่เจ้าตัวชอบทำเวลาอยู่คนเดียวหรืออยู่กับคนแปลกหน้าที่เขาไม่คุ้นเคย
ตาโตแบบเหลือกๆทำให้เขาดูเหมือนนกฮูก
แปะ!
มีคนมาแตะไหล่เล็กจากด้านหลังขณะที่กำลังเดินไปเรียนวิชาแรกของวันทำให้เขาต้องหันไปมอง
พอเห็นว่าเป็นเพื่อนที่รู้จักกันมาตั้งแต่มัธยมปลายก็เลิกสนใจหันกลับไปเดินต่อ
แปะ แปะ แปะ แปะ แปะ แปะ
ไอ้คนข้างหลังพอโดนเมินก็ยังยิ้มได้เช่นเดิมพร้อมกับมือใหญ่ๆที่กำลังทำเหมือนหลังของคยองซูเป็นกลองจำเป็น
ทั้งตีไหล่ ตีหลัง ตีหลังคอ พร้อมกับเสียงที่ทำเป็นเสียงกลองตุ้มตะลุ่มตุ้มตุ้มดังขึ้นมาอีก
คนตัวเล็กพยายามจะไม่สนใจแต่เขาก็ไม่เคยทำได้ซักที
ต้องหันมาทำท่าจะต่อยอีกคนนั่นแหละคนด้านหลังจึงยอมยกมือขึ้นอย่างยอมแพ้
ตอนแรกใบหน้าก็บูดบึ้งเพราะรำคาญอยู่หรอก
แต่พอเห็นอีกคนเอาแต่ยิ้มทะเล้นอย่างที่เจ้าตัวชอบทำก็หลุดยิ้มตามแล้วออกหมัดต่อยไปที่แขนอีกคนเบาๆ
“ไอ้บ้า”
“ฮ่าๆๆๆๆ
ก็ไม่ยอมทักกันก่อนนี่”
“ก็ฉันง่วง”
“ง่วงแล้วทำไมไม่นอน?”
คยองซูหยุดเดินแล้วมองอีกคนที่ตอนนี้เปลี่ยนมาเดินข้างๆเขาแล้ว
“ก็มีเรียน”
“ขยันเหมือนกันนี่”
“ใครมันจะขี้เกียจสันหลังยาววววววววววเหมือนนายล่ะปาร์คชานยอล”
คนตัวเล็กเน้นคำว่ายาวใส่หน้าอีกคน
เพราะด้วยส่วนสูงแล้วคยองซูต่ำเตี้ยกว่าชานยอลเยอะ นี่สูงเท่าคางมันเองนะ
เตี้ยบรรลัยชะมัด
“เออๆ
ไม่อยากจะเน้นเรื่องยาวๆสั้นๆกับนายซักเท่าไหร่ สงสารอ่ะ” ตาโตหันไปมองอีกคนอย่างเซ็งๆแล้วทั้งคู่ก็ไม่พูดอะไรจนมาถึงห้องบรรยายวิชาที่คนตัวเล็กจะต้องเข้าเรียนนั่นแหละ
“ตอนเที่ยงกินข้าวด้วยกันนะ
โอเคนะ” ชานยอลไม่รอคำตอบ เขายิ้มแล้วก็เดินไปที่ห้องเรียนของตัวเองบ้าง
คยองซูมองตามหลังอีกคนก่อนจะเผยรอยยิ้มเล็กๆออกมาแล้วจึงเดินเข้าห้องไป
มันก็เป็นแบบนี้บ่อยๆถ้าเกิดว่าชานยอลมีเรียนเวลาเดียวกับคยองซู
เขาจะเดินมาทักในเส้นทางที่คนตัวเล็กใช้ประจำเวลาไปเรียนในแต่ละวิชา
เพื่อนตัวสูงจะเดินไปส่งถึงห้องแล้วค่อยเดินไปที่ห้องของตัวเอง มันเป็นแบบนี้ประจำจนถ้าหากวันไหนไม่เห็นชานยอลมาเขาต้องส่งข้อความไปถามว่าเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า?
พวกเขาสองคนรู้จักกันมาตั้งแต่ช่วงขึ้นมัธยมปลายใหม่ๆ
อยู่กันคนละห้องแต่ว่าไปเจอกันตอนวันปฐมนิเทศ
นั่นจึงกลายมาเป็นมิตรภาพต่างห้องระหว่างทั้งสองคนเรื่อยมาจนถึงตอนนี้
มิตรภาพต่างคณะด้วย
..................................
แค่ยืนดูกีฬาบาสเก็ตบอลที่คณะเภสัชศาสตร์กับบริหารฯแข่งกันเฉยๆ
คนตัวสูงแบบชานยอลก็ไม่ลืมที่จะทำตัวรุ่มร่ามกับคยองซู
โดยที่ตากลมๆเหลือกๆก็จ้องอยู่อย่างอาฆาตเช่นกัน
มือใหญ่ๆแขนยาวๆยังเอื้อมอ้อมตัวของเซฮุนรุ่นน้องที่สนิทมาโชว์วิชาวิทยายุทธกับตัวของคยองซูได้อยู่ดี
ชานยอลยังทำหน้าทำตาหาเรื่องให้อีกคนเอาคืน
พอคยองซูเริ่มทนไม่ไหวก็เดินผ่านหน้ารุ่นน้องมาต่อยคืนอีกคน
แล้วใบหน้าหล่อดูดีก็เผยรอยยิ้มกว้างออกมาในที่สุด
รวมถึงคนตัวเล็กด้วยที่แม้ในตอนแรกจะทำหน้าตาดุๆแต่ก็นั่นแหละ เขาทำดุได้ไม่ตลอดรอดฝั่งหรอกเพราะรอยยิ้มของอีกคนเท่านั้นเอง
พอโดนคนตัวเล็กเอาคืนหนำใจแล้วแขนยาวๆก็เปลี่ยนมาโอบรอบคออีกคนแทนแล้วหันกลับไปยืนดูการแข่งขันต่อ
เซฮุนเหลือบตามองอย่างเซ็งๆก่อนจะหันกลับไปสนใจการแข่งขันต่อเช่นกัน
พอการแข่งขันจบเป็นฝ่ายบริหารฯนั้นที่ได้รับชัยชนะไป
เสียงกรี๊ดของสาวๆบริหารฯก็เลยดังกระหึ่ม
รวมถึงคยองซูเองที่ปรบมือดีใจอย่างออกนอกหน้า
ก็แน่นอนเพราะว่าเขาเรียนบริหารฯนี่นา
“เวอร์ว่ะ”
ชานยอลเอ่ยออกมาเบาๆ
คนที่อยู่ใต้แขนแกร่งมานานก็ปัดทิ้งแล้วหันไปทำหน้าหาเรื่องแทน
“คณะใครใครก็รักเว้ย
ระวังคณะนายให้ดีเถอะ ระวังแพ้คณะฉันก็แล้วกัน”
“ไม่มีทาง
คณะฉันมีฉันอยู่ทั้งคนไม่มีทางแพ้หรอก”
“คณะฉันก็มีพี่อี้ฟานเว้ย”
อีกคนก็เถียงกลับอย่างไม่ยอมแพ้
มีรุ่นพี่ปีสุดท้ายที่เก่งบาสในระดับไม่ธรรมดาพ่วงด้วยหน้าตาที่ไม่ธรรมดาอีก
“ถ้าได้เจอกัน
นายต้องเชียร์ฉันนะ” คนตัวสูงเอ่ยบอกอย่างอ้อนๆ หน้าตาทำให้ดูน่าสงสารมากๆเป็นท่าประกอบด้วย
“เรื่องอะไรเล่า
ฉันก็ต้องเชียร์คณะฉันสิ” ชานยอลหุบยิ้มแล้วทำหน้าบึ้งทันที
พลางกำหมัดแล้วปล่อยไปหาอีกคนไม่ยั้งด้วยแรงที่ไม่ได้หนักหรอก
คนตัวเล็กก็ยืนนิ่งๆมองอีกคนไม่วางตา พอเขาทำท่าจะต่อยกลับคืนบ้างอีกคนก็ถอยหลังหนีแบบไม่จริงจังนัก
“พวกพี่นี่ชอบทำตัวเป็นเด็กๆนะ
ไปหาอะไรกินกันเหอะ ผมหิวแล้ว”
เซฮุนที่ไม่ได้พูดมานานก็เอ่ยขึ้นเพื่อให้รุ่นพี่ทั้งสองคนรู้ว่าเขายังมีตัวตนอยู่
พี่ทั้งสองคนจึงหยุดการต่อยตีกันแล้วก็พยักหน้ารับน้อง
แล้วพากันเดินไปหาอะไรกินเสียที
................................
และแล้ววันที่ไม่น่าจะรอคอยก็มาถึง
เมื่อคณะสถาปัตยกรรมต้องพบกับคณะบริหารฯในการแข่งขันบาสเก็ตบอล
คยองซูก็เดินมากับรุ่นน้องคนสนิทอย่างเซฮุนในสนามบาสที่คุ้นเคยที่เคยมาเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว
ชานยอลเข้ามาเตรียมตัวแข่งตั้งนานแล้ว
ดวงตาโตของชานยอลก็พยายามสอดส่ายมมองหาเพื่อนสนิทที่สัญญาว่าจะมาเชียร์
แต่มาเชียร์ใครนี่เขาก็ไม่รู้หรอก
พอเห็นตัวสูงๆของเซฮุนเขาก็เผยรอยยิ้มออกมาเพราะคนที่เดินตามมาเป็นโดคยองซูเพื่อนตัวเล็กแต่ตาโตของเขานั่นเอง
ชานยอลหันไปเอ่ยบอกเพื่อนร่วมทีมว่าเดี๋ยวมาก่อนจะวิ่งเหยาะๆมาหาเพื่อนที่ยืนกอดอกคุยกับน้องอยู่
“พี่ชานยอล”
เซฮุนยิ้มทักทายทันทีเมื่อเห็นหน้าของคนตัวสูง
เขาเองก็มาเชียร์พี่ชายคนนี้อยู่แล้วเพราะเขาไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรกับสองคณะนี้ในเมื่อเขาเรียนอยู่วิศวกรรมศาสตร์
ชานยอลโบกมือทักทายน้องก่อนจะหันมาทักเพื่อนบ้าง
“เชียร์ฉันนะ”
“เรื่อง! เชียร์คณะฉันสิ”
“อะไรอ่ะ
เพื่อนอุตส่าห์ลงแข่งนะ”
“คณะฉันก็แข่งเหมือนกันแหละน่า”
คยองซูว่าชานยอลก็เลยส่งมือไปเล่นหัวอีกคน
คราวนี้คยองซูรีบปัดมืออีกคนทิ้งก่อนทันที “เลิกมากวนประสาทฉันได้แล้ว
ไปเตรียมตัวแข่งได้แล้วไป เดี๋ยวแพ้คณะฉันขึ้นมาจะหัวเราะให้สูงเลย”
“งั้นชาตินี้ก็คงสูงได้แค่นี้แหละนะ”
รอยยิ้มสดใสของชานยอลเผยออกมาอีกทีแล้วค่อยวิ่งกลับไปยังทีมของตนที่เริ่มประชุมกันก่อนแข่งที่จะเริ่มอีกสิบนาทีข้างหน้า
บรรยากาศดูคึกคักเพราะถ้าการแข่งขันนี้ฝ่ายไหนชนะจะได้เข้าไปชิงที่3 ซึ่งเป็นนัดสำคัญพอสมควร
คณะเขาเองก็ขนกันมาเชียร์แบบเต็มรูปแบบก็ไม่ได้ต่างจากคณะของชานยอลเท่าไหร่นักที่ก็จัดเต็มเหมือนกัน
คยองซูและเซฮุนไม่ได้ไปยืนฝั่งไหนแบบจริงจัง
เขาเลือกที่จะอยู่เยื้องๆข้างหลังแป้นบาส มองดูนักกีฬาทั้งฝั่งของเขาและฝั่งตรงข้ามประชุมกันอยู่
แมตช์นี้สาวๆเยอะพอสมควรคงจะเป็นเพราะนักกีฬาเสียมากกว่าที่ดึงดูดใจน่ะ
ปรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด
เสียงนกหวีดเรียกให้ทั้งสองทีมเข้าสนาม
เท่านั้นแหละเสียงเฮ เสียงกลอง เสียงเชียร์ก็ดังกระหึ่ม
ชานยอลยังหันมายิ้มให้คนตัวเล็กของเขาก่อนจะกลับไปตีหน้านิ่งเช่นเดิมเมื่อต้องเข้าสนาม
หลังจากที่กรรมการประกาศอะไรนู่นนี่เสร็จแล้วการแข่งขันก็เริ่มต้นขึ้น
ความไวความปราดเปรียวในการแย่งลูกกลมๆสีส้มๆดุเดือดขึ้นตามลำดับ ยิ่งตัวเก็งอย่างอู๋อี้ฟานที่ทำลูก3แต้มได้บ่อยๆทำให้ฝ่ายบริหารฯลำพองใจอยู่เหมือนกัน
เสียงเฮก็ตามมาติดๆ
การแข่งขันผ่านไปหนึ่งควอเตอร์คะแนนของสถาปัตย์ฯก็ตามหลังอยู่แค่สองคะแนน
ซึ่งมันก็ยังไม่ได้สร้างความหนักใจอะไรเพราะมันก็แค่เริ่มต้นเท่านั้นแต่ก็ประมาทไม่ได้เพราะมันสามารถทิ้งห่างได้เรื่อยๆเหมือนกัน
ตาโตๆของคยองซูมองไปที่เพื่อนตัวสูงอย่างให้กำลังใจ พออีกฝ่ายหันมาหาเขาก็ส่งยิ้มให้
ซึ่งชานยอลไม่รู้เลยว่าคยองซูส่งยิ้มให้กำลังใจที่คะแนนตามหลังหรือเยาะเย้ยเพราะคะแนนตามหลังอยู่กันแน่
แต่ก็ช่างเถอะ
อย่างน้อยก็ได้กำลังใจจากเพื่อนล่ะนะ
การแข่งขันก็ดำเนินไปเรื่อยๆจนมาถึงควอเตอร์สาม
คะแนนของทั้งคู่ก็ผลัดกันนำผลัดกันตามทำเอาทีมเชียร์ใจหายใจคว่ำกันเป็นแถบๆ
ชานยอลเลี้ยงลูกบาสอยู่กำลังมองหาเพื่อนร่วมทีมเพื่อจะส่งลูกต่อ
แต่เพราะโดนอี้ฟานที่เข้ามาหวังจะแย่งลูกบาส
แต่ก็พลาดเพราะทำให้ชานยอลที่กำลังวิ่งอยู่ต้องล้มลงเสียท่า
จนต้องเอ่ยขอเวลานอกกันเป็นพัลวัน
อู๋อี้ฟานไม่ได้หล่อแค่หน้าแต่จิตใจเขายังหล่อด้วย
เขาส่งมือไปให้อีกคนเพื่อช่วยอีกคนให้ลุกขึ้นยืนพร้อมกับเอ่ยขอโทษด้วย ชานยอลพยักหน้ารับก่อนจะเดินกะเผลกๆไปที่ข้างสนามโดยมีเพื่อนๆช่วยพยุง
“เดี๋ยวพี่มานะเซฮุน”
เอียงตัวกระซิบบอกน้องก่อนจะหลบฉากเดินไปหาเพื่อนที่ข้างสนาม ขาของชานยอลอาจะแพลงเลยทำให้ต้องมีการเปลี่ยนตัวแทน
คนตัวเล็กเดินเข้ามาหาอีกคนที่นั่งอยู่บนอัฒจรรน์ สะกิดเรียกคนตัวสูงเบาๆ
“เป็นไงบ้าง?”
ชานยอลหันมาทางต้นเสียงก่อนจะตีหน้าเศร้าแล้วอ้อนอีกคนทันที
“เจ็บอ่าคยองซู”
เพื่อนตัวเล็กเห็นแบบนั้นก็นึกสงสาร มองลงไปข้อเท้าของอีกคนอย่างนึกสงสาร
“เดี๋ยวพี่เค้าก็เอายามานวดให้
นั่นไงมาแล้ว” คยองซูเอ่ยบอกพลางหันไปมองรุ่นพี่สาวฝ่ายพยาบาลถือกล่องมา
“ไหนน้องชานยอล
เจ็บตรงไหนมั้ยคะ?”
“เหมือนขาจะแพลงเลยอ่ะพี่ยูริ”
“อ่า โอเค
งั้นเดี๋ยวพี่ดูให้นะ” ยูริว่าก่อนจะนั่งลงที่พื้นแล้วมองดูข้อเท้าของรุ่นน้อง
คยองซูเห็นว่าเพื่อนของเขามีคนดูแล้วก็เลยว่าจะกลับไปหาเซฮุนที่เขาปล่อยให้ยืนอยู่คนเดียว
“เดี๋ยวฉันมาหาตอนเลิกแข่งนะ
ทิ้งเซฮุนไว้คนเดียวอ่ะ”
พอจะเดินออกไปก็โดนอีกคนจับแขนเอาไว้แล้วทำหน้าน่าสงสารไปให้
“เซฮุนมันโตแล้วน่าอยู่คนเดียวได้
อยู่กับฉันนี่แหละ ฉันเจ็บเท้านะ ...โอ๊ย! พี่ยูริเจ็บอ่ะ”
“โทษๆ ก็มันแพลงอ่ะพี่ก็เลยจับให้มันเข้าที่
เป็นผู้ชายบ้าอะไรร้องเป็นตุ๊ดเลย” หญิงสาวเอ่ยแซวเบาๆก่อนจะทายาให้อีกคนเบาๆ “นี่ก็อย่าพยายามเดินให้มากนะ
แล้วก็ไปซื้อยามานวดมาทาด้วย โอเคมั้ย?”
“อ่า... ครับ
ขอบคุณนะครับ” ชานยอลรับคำแล้วส่งยิ้มหวานให้พี่สาวที่เดินกลับไปประจำที่เดิมกับเพื่อนแล้วเอ่ยเสียงเชียร์กันต่อไป
ตยองซูที่โดนีกคนพันธนาการไว้ด้วยมือใหญ่ก็ยอมยืนอยู่ข้างๆอีกคนแล้วมองดูการแข่งขันไปข้างๆกันโดยที่ไม่มีใครพูดอะไรแถมชานยอลก็ไม่ยอมปล่อยข้อมืออีกคนให้เป็นอิสระอีกด้วย
จนการแข่งขันดำเนินมาจนถึงวินาทีสุดท้าย
ปี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
สถาปัตฯชนะบริหารฯไปด้วยคะแนนที่นำเพียงแค่สองคะแนนเท่านั้น
เสียงเฮดีใจจากฝั่งของสถาปัตฯก็ดังกระหึ่มทันที
รวมทั้งชานยอลด้วยที่โห่ร้องดีใจแล้วหันมาหาคยองซูที่ยืนยิ้มอยู่ข้างๆ
คือเขาก็ไม่ได้ดีใจหรือเสียใจอะไรหรอกนะ ใครชนะเขาก็ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรเป็นพิเศษ
“ไง คณะนายแพ้อ่ะ ฮ่าๆๆ”
ชานยอลได้ทีก็หันมาแซวเพื่อนตัวเล็กในทันใด “แต่ก็เสียดายนะ
อยากเห็นนายหัวเราะจนตัวสูงอ่ะ ฮ่าๆๆๆ” ชานยอลหัวเราะกว้างกว่าเดิมเมื่อพูดถึงจุดเด่น(?)ของเพื่อนตัวเล็ก
เห็นแบบนั้นแล้วคยองซูก็เลยใช้หัวของชานยอลที่ตอนนี้อยู่ต่ำกว่าเขาเพราะอีกฝ่ายนั่งอยู่มาเป็นกลองชั่วคราว
มือเล็กตีกลองไม่หยุดเลยทีเดียว
“เย้ๆๆๆๆ ‘ถาปัตย์ชนะแล้ว เย้ๆๆ”
คยองซูว่าแล้วตีกลอง(ที่หัวของชานยอลคัฟเวอร์อยู่)อย่างสนุกสนาน คนตัวสูงก็พยายามเหลือบตามองอีกคนอย่างเซ็งๆ
เออ ตอนนี้ยอมก็ได้ กำลังพิการชั่วคราวอยู่
“เฮ้ย ชานยอล! เป็นไงบ้างวะ?” เสียงของเพื่อนร่วมทีมเดินมาหาแล้วเอ่ยถามถึงอาการ
“ก็ขาแพลงว่ะ
แต่พี่ยูริมาดูให้แล้ว ไม่เป็นไรแล้ว”
“แล้วจะหายทันแข่งนัดหน้าป้ะวะ?”
“ไม่รู้เหมือนกันเลยว่ะ”
ชานยอลเอ่ยตอบแล้วเพื่อนก็พยักหน้ารับ
เพื่อนคนอื่นๆก็เข้ามาดูอาการแล้วก็นัดแนะการซ้อมอีกครั้ง ก่อนจะแยกย้ายกันกลับไปคนละทาง
“เซฮุนไปไหนนะ?”
คยองซูมองหารุ่นน้องที่ไม่เห็นแม้แต่เงา
“มันก็โตแล้ว
คงกลับไปแล้วมั้ง? ทีนี้เหลือแค่นายเท่านั้นแหละ ต้องพาฉันไปส่งที่ห้องเลยนะ”
“รู้แล้วน่า
ปล่อยให้คนช่วยเหลือตัวเองอย่างนายกลับเองได้ไง เดี๋ยวได้เป็นอีกข้าง คราวนี้คงต้องพึ่งวีลแชร์แล้วล่ะ”
คยองซูเก็บของให้คนตัวสูงก่อนจะเอามาแบกเอาไว้เอง
ก่อนจะเดินไปช่วยพยุงอีกคนให้ลุกขึ้น
“เดี๋ยวฉันถือของเอง”
“ไม่ต้อง! เดินด้วยตัวเองให้ได้ก่อนเถอะ”
คยองซูบอกปัดก่อนจะกอดเอวอีกคนไว้ ส่วนชานยอลก็ยิ้มออกมาแล้วยอมเออออตาม
ที่บอกไปก็เพราะสงสารหรอกเห็นสะพายกระเป๋าของตัวเองแล้วยังต้องมาแบกกระเป๋ากีฬาของเขาอีก
ตัวก็น้อยนึง เห็นแล้วสงสารยังไงไม่รู้สิ
สองร่างสูงเล็กเดินกอดเอวกอดไหล่เคียงข้างกันไปตามฟุตบาธในมหาวิทยาลัย
ใบหน้าหล่อก็ประดับรอยยิ้มเอาไว้ซึ่งมันก็ไม่ต่างจากใบหน้าเด็กๆของคยองซูซักเท่าไหร่หรอก
“ขอบใจนะ”
อยู่ดีๆชานยอลก็เอ่ยแหวกความเงียบขึ้นมา คยองซูเงยหน้าขึ้นไปมองอย่างสงสัย
“อะไร?”
“ก็วันนี้ไง
อุตส่าห์มาดูอาการฉันน่ะ”
“เอ๊า! ก็เพื่อนนี่หว่า จะไม่ห่วงได้ไงเล่า?”
“โอ๊ยใจดีอ่ะ
รักคยองซูจังเลย”
“แหม ทีงี้ทำปากหวานเชียวนะ”
คนตัวเล็กว่าด้วยใบหน้าแดงๆ แต่ก็ใช่ว่าหน้าชานยอลจะไม่แดง ก็แดงไม่แพ้กันหรอก
“อย่าไปรักใครมากกว่าฉันล่ะ”
“บอกตัวเองเถอะปาร์คชานยอล”
บางทีความรักมันก็อยู่ในรูปแบบเพื่อนสนิทนะ
END.
ชานซูเรื่องแรก ผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ :D
หวังว่าแม่ยกชานซูจะแวะมาหากันบ้างเนาะ :D
เมนต์ติ เมนต์ชมกันได้นะคะ จะได้มีแรงอัพชานซูต่อ อิอิ
เมนต์ติ เมนต์ชมกันได้นะคะ จะได้มีแรงอัพชานซูต่อ อิอิ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น