วันศุกร์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2557

[OS] โอเล้ โอเล่ โอเล่ โอเหล่ GO GO! WORLD CUP [Kris x Luhan]

โอเล้ โอเล่ โอเล่ โอเหล่ GO GO! WORLD CUP

Kris x Luhan












* ‘เมื่อถึงเทศกาลบอลโลก สาวๆอย่าคิดที่จะได้เข้าใกล้หนุ่มๆหวังที่จะจู๋จี๋ ดู๋ดี๋ เล่นเกมรักกันให้ดึ๋งดั๋ง ปึ๋งปั๋ง ทดสอบความฟิตของร่างกาย เพราะเมื่อพวกเขาเห็นจอเขียวๆ มีลูกกลมๆ กับผู้ชายวิ่งไปวิ่งมาแล้ว เขาจะไม่มีทางสนใจอะไรเลย แต่! ถ้ามีสิ่งที่สามารถดึงดูดใจเขาได้ดีกว่าลูกฟุตบอลมันก็ไม่แน่ ต้องไปอ่านกันดูว่า มีวิธีเรียกร้องความสนใจจากเขาอย่างไรบ้าง!!

-       ลองก้มหาของ แต่งตัววับๆแวมๆ เห็นนิดเห็นหน่อยทำให้มีศิลปะเนียนๆ – เต้นยั่ว ต้อนชายหนุ่มให้นั่งลงบนโซฟา จากนั้นนั่งคร่อมประจันหน้า ดวงตาประสานกันตลอดเวลา
-       สัมผัสแผ่นหลัง คลึงที่บริเวณสันหลังของเขา เริ่มจากการนวดเบาๆบริเวณต้นคอแล้วค่อยๆเปลี่ยนไปตามความเว้าของแผ่นหลังของเขาสุดจนไปถึงร่องก้น
-       ใบหูเป็นจุดจีสปอตที่เร้าอารมณ์ของหนุ่มๆได้ดีเหลือเกิน เพียงคุณเขยิบปลายจมูกและริมฝีปากไปที่ใบหูข้างหนึ่งของเขา หายใจรดต้นหู รับรองเดือดพลุ่งพล่านสุดๆ
-       กินไส้กรอกโชว์ เพียงแค่สร้างฉากยั่วยวนปลุกอารมณ์ของเขานิดๆ ก็ทำให้ภาพจินตนาการของเขาเตลิดเปิดเปิงไปแล้ว




สายตาคมกำลังไล่อ่านบทความที่เขาบังเอิญเปิดเจอโดยบังเอิญ ช่วงนี้มันเป็นช่วงบอลโลก มนุษย์ผู้ชายก็เลยพากันให้ความสนใจเป็นพิเศษ และยิ่งมนุษย์ผู้ชายอย่างแฟนตัวเล็กของเขาที่รักฟุตบอลเป็นชีวิตจิตใจก็ไม่ได้รับการยกเว้นด้วย



ก็ในเมื่อตอนนี้เป็นเวลาตีสามกว่าๆด้วยเพราะเวลาที่อยู่กันคนละซีกโลกทำให้การถ่ายทอดฟุตบอลอ้อมโลกต้องดึกตามไปด้วย เขาก็ยังต้องแหกขี้ตาเพื่ออยู่เป็นเพื่อนอีกคนที่นั่งตาแป๋วกอดหมอนดูบอลอยู่หน้าทีวี ส่วนเขา อู๋อี้ฟานก็นั่งเปิดคอมพ์เล่นอินเตอร์เน็ตแทน เพราะเขาเป็นมนุษย์ผู้ชายที่ไม่ได้คลั่งไคล้บอลขนาดนั้น



พอมาเจอบทความนี้ก็เลยเปิดเข้าไปอ่าน มันไม่ใช่แค่ปัญหาของผู้หญิงเท่านั้นหรอก มันปัญหาของเขาด้วย ลูกผู้ชายตัวสูงยักษ์อย่างเขานี่แหละ ลู่หานไม่สนใจอะไรเลยเมื่อบอลโลกมาถึง กระทั่งกับเขาที่เป็นแฟนน่ะ



แต่จะให้เขาทำตามอย่างที่อ่านนี่ก็ไม่ไหวเหมือนกันนะ ลองนึกถึงเขาที่ต้องแต่งตัววับๆแวมๆ เต้นยั่ว นั่งตัก เอ่อ... พอก่อนเถอะ แค่แต่งตัวมันก็ไม่ได้น่าดูแล้ว มันน่ากลัวมากกว่าน่ะสิ



แต่ก็นั่นแหละ อดมาตั้งหลายวันแล้วนี่นา แล้วยิ่งโดนแฟนเมินขนาดนี้มันก็ต้องรู้สึกห่อเหี่ยวเหมือนกันอ่ะ สงสารก็แต่อู๋อี้ฟานน้อยๆนี่แหละ



แมนๆอย่างลู่หานน่ะ ต้องมอมเท่านั้นแหละ หึๆๆๆ



ว่าแล้วคนตัวสูงก็ลุกขึ้นแล้วเดินไปเปิดตู้เย็น หยิบกระป๋องเบียร์ออกมาหกกระป๋อง แล้วหอบไปวางไว้บนโต๊ะหน้าโทรทัศน์ คนตาสวยเหลือบมองอย่างสงสัยก่อนจะเอ่ยถาม



“ทำไมวันนี้มานั่งดูด้วยล่ะ?”



“ก็กลัวเหงานี่นา อ่ะ ดื่มเบียร์หน่อยมั้ย?” ไม่ว่าเปล่า คนหล่อแถมใจยังหล่อก็เปิดฝากระป๋องเบียร์แล้วส่งไปให้อีกคน ลู่หานยิ้มก่อนจะรับมาแล้วกระดกเข้าปากทันที



“เออ อย่างนี้ค่อยสนุกหน่อย มีเพื่อนมานั่งดูด้วยเนี่ย” ลู่หานหันมาพูดด้วยแล้วก็หันกลับไปจ้องลูกกลมๆในโทรทัศน์ต่อ อี้ฟานยิ้มออกมาอย่างมีเลศนัย แล้วยกเบียร์ดื่มตามด้วย



อี้ฟานฉลาดพอที่จะไม่ดื่มจนหมดกระป๋องหรอก เขาเอามาหก เปิดให้ตัวเองหนึ่ง ที่เหลือให้ลู่หานดื่มคนเดียวนั่นแหละ เจ้านั้นเคยสนใจอะไรที่ไหนล่ะ เอาแต่บ่นๆกับจอโทรทัศน์แล้วยกเบียร์ซดเอาๆไม่สนใจใคร ถือว่าลู่หานทำได้ดี



คนตัวสูงกว่าเขยิบเข้าไปนั่งใกล้อีกคนแล้วโอบเอวอีกคนให้เข้ามานั่งใกล้ๆ ลู่หานที่เริ่มจะมึนๆก็ยอมแต่โดยดีโดยที่ไม่ได้คิดอะไร



อี้ฟานหันมามองอีกคนที่ยอมทิ้งตัวกว่าครึ่งมาพิงเขาแต่ตายังจ้องที่ลูกฟุตบอลอยู่ก็ยิ้มอย่างได้ใจ มือหนาค่อยๆสอดไปใต้เนื้อผ้ากางเกงบอลที่คนตัวเล็กใส่อยู่ สัมผัสลู่หานน้อยที่ไร้กางเกงในห่อหุ่มเป็นการกระตุ้นอีกคน ใบหน้าหวานทำหน้ายู่แล้วขมวดคิ้วยุ่งก่อนจะหันมามองหน้าคนรักที่เอาแต่ยิ้มเจ้าเล่ห์อยู่



“นี่! หยุดเลยนะ ไม่ต้องคิดจะอยากทำอะไรเลย วางแผนมาใช่มั้ย? เรื่องหื่นๆนี่สมองไวนักนะ อะ...อื้ออออ” พอเอ่ยปากว่าไม่ทันไรก็โดนอีกคนหยอกล้อกับน้องชายตัวเองจนต้องเผลอครางออกมา



“โธ่ เสี่ยวลู่... หลายวันแล้วนะที่เราไม่ได้รักกันน่ะ”



“อื้อออออ...อี้ฟานนนน อ่ะ...” เหมือนจะขัดขืนแต่ก็ยอมไปตามอีกคนอย่างง่ายดาย คงเพราะฤทธิ์เบียร์ด้วยแหละทำเอาสติสัมปชัญญะหายไปเกือบครึ่ง



ริมฝีปากอิ่มก็เริ่มพรมจูบอีกคนด้วยใจที่คิดถึงอย่างหนัก กลีบปากนุ่มที่คุ้นเคยทำเอาลู่หานเริ่มคุมสติไม่อยู่ ไหนจะแผ่นเนื้อบางๆที่เกี่ยวกระหวัดกันอีกทำเอาลู่หานเลิกสนใจผู้ชายกว่ายี่สิบชีวิตในสนามแทบจะทันที แขนเรียวก็เลื่อนขึ้นมาโอบรอบคอแกร่งเอาไว้แล้วจูบตอบอย่างเคยชิน



อี้ฟานละจูบจากปากนุ่มแล้วไซ้ลงมาที่ลำคอขาว ขบเม้มเบาๆเพราะเขาไม่อยากจะสร้างรอยเอาไว้เอาแค่ให้อีกคนได้รู้สึกวาบหวิวเท่านั้นแหละ เสื้อบอลตัวโปรดของร่างเล็กถูกถอดออกตามต่อมาทันที แล้วลู่หานก็ลุกขึ้นแล้วเป็นฝ่ายมานั่งคร่อมตักอีกคนแทน



อี้ฟานก็ให้ความร่วมมืออย่างดี เขาเชยชมกับเม็ดติ่งสีชมพูเข้มด้วยลิ้นชื้นของเขาจนอีกคนต้องร้องครางออกมาอย่างห้ามใจไม่อยู่



ถือว่าเป็นความโชคดีของอู๋อี้ฟานที่คิดแผนดีๆขึ้นมาได้แบบนี้ ทำเอาคนที่สนใจแต่ฟุตบอลอย่างลู่หานเลิกสนใจได้ คนตัวเล็กในเวลาที่มีปริมาณแอลกฮอลล์ในร่างกายเป็นอะไรที่วิเศษมาก เสนอและสนองให้เขาได้ถึงใจเลยทีเดียว



มือเล็กๆถอดเสื้อของอีกคนออกแล้วตามเข้าไปดอมดมผิวกายอีกคนบ้าง ลิ้นเล็กๆที่หยอกล้อกับหัวนมแข็งๆของอี้ฟานทำเอาคนที่นั่งอยู่นิ่งๆต้องครางออกมาบ้าง ลู่หานลอบยิ้มก่อนจะไล่ลงมาเรื่อยๆจนต่ำกว่าสะดือ มือขาวๆก็ปลดกางเกงอีกคนออก ก็เผยให้เห็นอี้ฟานน้อยที่พร้อมสู้



“คิดถึงกันมากใช่ม้า??” ลู่หานช้อนตาเอ่ยถามอย่างยั่วยวน



“แทบขาดใจเลยล่ะ” อี้ฟานเอ่ยตอบแล้วยิ้มตอบอีกคน ก่อนจะมองอีกคนที่ค่อยไล่จูบน้องชายตัวเองแต่ไม่ยอมให้ปากได้สัมผัส



“คิดถึงอี้ฟานน้อยเหมือนกันอ่ะ ถอดให้หน่อยได้มั้ย?” ลู่หานหยุดแล้วลุกขึ้นมาถามอีกคน อี้ฟานยิ้มอย่างพอใจก่อนจะดึงกางเกงของอีกคนลง กลายเป็นว่าเขาทั้งคู่พร้อมกับบทรักที่กำลังจะเกิดขึ้นในเวลาข้างหน้าแล้ว



กวางน้อยยิ้มออกมาก่อนจะค่อยๆพาตัวเองให้นั่งทับตักอีกคนอย่างช้าๆ ความรู้สึกที่ถูกเติมเต็มทางด้านหลังทำให้ลู่หานต้องร้องออกมาเบาๆ เพราะเขาเริ่มรู้สึกเจ็บ คนตัวสูงที่นั่งอยู่เฉยๆก็ดึงอีกคนมารับจุมพิตจากเขาเพื่อที่จะได้ไม่ต้องกังวลทางด้านหลังมากนัก และมันก็ได้ผลเมื่อลู่หานทำมันได้สำเร็จ



จังหวะรักของทั้งคู่ก็เริ่มบรรเลงทันทีด้วยฝีมือของลู่หาน โดยมีคู่รับเป็นอี้ฟานที่คอยช่วยกันอีกที พร้อมกับการประสานเสียงร้องของทั้งคู่ ราวกับต้องการขับกล่อมให้เขาสองคนมีความสุขกับการดื่มด่ำในตัวกันและกันเป็นอย่างดี ตลอดจนถึงตัวโน้ตตัวสุดท้ายของทั้งคู่ น้ำแห่งความสุขก็หลั่งออกมาทันที



หัวกลมของกวางน้อยตาใสซบลงที่ไหล่กว้างของอีกคนอย่างเหนื่อยอ่อน ลมหายใจร้อนๆก็พรูรดที่ต้นคอของอีกคนไม่หยุด ท่าทางคงเหนื่อยน่าดู



“ปิดโทรทัศน์แล้วเข้าห้องก่อนนะ” อี้ฟานเอ่ยเชิงถาม ลู่หานก็พยักหน้ารับเบาๆก่อนจะยอมถอนกายออกจากอีกคนเมื่ออี้ฟานสั่ง นั่งรออีกคนปิดแมตช์ฟุตบอลอยู่บนโซฟาแล้วส่งมือเป็นสัญญาณให้อีกคนเข้ามาอุ้มซึ่ง มังกรหนุ่มก็ไม่อิดออดอะไร ก็อุ้มกวางไปกินนี่นา เป็นใครจะไม่อยากอุ้มกันล่ะ ฮิๆๆ











END.






* นำมาจากอินสตาแกรม @thairath




เอ็นซีอะไรวะ?
มันมาแบบงงๆ
พล็อตก็มาแบบงงๆ
ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ
หากมันแปลกๆก็ช่างมันเถอะเนาะค่ะ ฮ่าๆๆๆๆๆ

ปล. เหมือนมีบล็อกเอาไว้แต่งให้ตัวเองอ่านอ่ะ ฮ่าๆๆๆๆ



วันอาทิตย์ที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2557

[OS] เพื่อนกันแต่มันเขิน [Chanyeol x Kyungsoo]

เพื่อนกันแต่มันเขิน 

Chanyeol x Kyungsoo












โดคยองซูเด็กหนุ่มมหาวิทยาลัยด้วยเพราะรูปร่างที่ค่อนไปทางเล็ก หรือที่เพื่อนๆส่วนใหญ่นิยามว่าเตี้ย ทำให้เขาดูเหมือนเด็กมัธยมมากกว่าที่จะเป็นเด็กมหาวิทยาลัย ไหนจะใบหน้านิ่งๆที่เจ้าตัวชอบทำเวลาอยู่คนเดียวหรืออยู่กับคนแปลกหน้าที่เขาไม่คุ้นเคย ตาโตแบบเหลือกๆทำให้เขาดูเหมือนนกฮูก



แปะ!



มีคนมาแตะไหล่เล็กจากด้านหลังขณะที่กำลังเดินไปเรียนวิชาแรกของวันทำให้เขาต้องหันไปมอง พอเห็นว่าเป็นเพื่อนที่รู้จักกันมาตั้งแต่มัธยมปลายก็เลิกสนใจหันกลับไปเดินต่อ



แปะ แปะ แปะ แปะ แปะ แปะ



ไอ้คนข้างหลังพอโดนเมินก็ยังยิ้มได้เช่นเดิมพร้อมกับมือใหญ่ๆที่กำลังทำเหมือนหลังของคยองซูเป็นกลองจำเป็น ทั้งตีไหล่ ตีหลัง ตีหลังคอ พร้อมกับเสียงที่ทำเป็นเสียงกลองตุ้มตะลุ่มตุ้มตุ้มดังขึ้นมาอีก คนตัวเล็กพยายามจะไม่สนใจแต่เขาก็ไม่เคยทำได้ซักที ต้องหันมาทำท่าจะต่อยอีกคนนั่นแหละคนด้านหลังจึงยอมยกมือขึ้นอย่างยอมแพ้



ตอนแรกใบหน้าก็บูดบึ้งเพราะรำคาญอยู่หรอก แต่พอเห็นอีกคนเอาแต่ยิ้มทะเล้นอย่างที่เจ้าตัวชอบทำก็หลุดยิ้มตามแล้วออกหมัดต่อยไปที่แขนอีกคนเบาๆ



“ไอ้บ้า



“ฮ่าๆๆๆๆ ก็ไม่ยอมทักกันก่อนนี่”



“ก็ฉันง่วง”



“ง่วงแล้วทำไมไม่นอน?” คยองซูหยุดเดินแล้วมองอีกคนที่ตอนนี้เปลี่ยนมาเดินข้างๆเขาแล้ว



“ก็มีเรียน”



“ขยันเหมือนกันนี่”



“ใครมันจะขี้เกียจสันหลังยาววววววววววเหมือนนายล่ะปาร์คชานยอล” คนตัวเล็กเน้นคำว่ายาวใส่หน้าอีกคน เพราะด้วยส่วนสูงแล้วคยองซูต่ำเตี้ยกว่าชานยอลเยอะ นี่สูงเท่าคางมันเองนะ เตี้ยบรรลัยชะมัด



“เออๆ ไม่อยากจะเน้นเรื่องยาวๆสั้นๆกับนายซักเท่าไหร่ สงสารอ่ะ” ตาโตหันไปมองอีกคนอย่างเซ็งๆแล้วทั้งคู่ก็ไม่พูดอะไรจนมาถึงห้องบรรยายวิชาที่คนตัวเล็กจะต้องเข้าเรียนนั่นแหละ



“ตอนเที่ยงกินข้าวด้วยกันนะ โอเคนะ” ชานยอลไม่รอคำตอบ เขายิ้มแล้วก็เดินไปที่ห้องเรียนของตัวเองบ้าง คยองซูมองตามหลังอีกคนก่อนจะเผยรอยยิ้มเล็กๆออกมาแล้วจึงเดินเข้าห้องไป



มันก็เป็นแบบนี้บ่อยๆถ้าเกิดว่าชานยอลมีเรียนเวลาเดียวกับคยองซู เขาจะเดินมาทักในเส้นทางที่คนตัวเล็กใช้ประจำเวลาไปเรียนในแต่ละวิชา เพื่อนตัวสูงจะเดินไปส่งถึงห้องแล้วค่อยเดินไปที่ห้องของตัวเอง มันเป็นแบบนี้ประจำจนถ้าหากวันไหนไม่เห็นชานยอลมาเขาต้องส่งข้อความไปถามว่าเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า?



พวกเขาสองคนรู้จักกันมาตั้งแต่ช่วงขึ้นมัธยมปลายใหม่ๆ อยู่กันคนละห้องแต่ว่าไปเจอกันตอนวันปฐมนิเทศ นั่นจึงกลายมาเป็นมิตรภาพต่างห้องระหว่างทั้งสองคนเรื่อยมาจนถึงตอนนี้ มิตรภาพต่างคณะด้วย



..................................
















แค่ยืนดูกีฬาบาสเก็ตบอลที่คณะเภสัชศาสตร์กับบริหารฯแข่งกันเฉยๆ คนตัวสูงแบบชานยอลก็ไม่ลืมที่จะทำตัวรุ่มร่ามกับคยองซู โดยที่ตากลมๆเหลือกๆก็จ้องอยู่อย่างอาฆาตเช่นกัน มือใหญ่ๆแขนยาวๆยังเอื้อมอ้อมตัวของเซฮุนรุ่นน้องที่สนิทมาโชว์วิชาวิทยายุทธกับตัวของคยองซูได้อยู่ดี



ชานยอลยังทำหน้าทำตาหาเรื่องให้อีกคนเอาคืน พอคยองซูเริ่มทนไม่ไหวก็เดินผ่านหน้ารุ่นน้องมาต่อยคืนอีกคน แล้วใบหน้าหล่อดูดีก็เผยรอยยิ้มกว้างออกมาในที่สุด รวมถึงคนตัวเล็กด้วยที่แม้ในตอนแรกจะทำหน้าตาดุๆแต่ก็นั่นแหละ เขาทำดุได้ไม่ตลอดรอดฝั่งหรอกเพราะรอยยิ้มของอีกคนเท่านั้นเอง



พอโดนคนตัวเล็กเอาคืนหนำใจแล้วแขนยาวๆก็เปลี่ยนมาโอบรอบคออีกคนแทนแล้วหันกลับไปยืนดูการแข่งขันต่อ เซฮุนเหลือบตามองอย่างเซ็งๆก่อนจะหันกลับไปสนใจการแข่งขันต่อเช่นกัน



พอการแข่งขันจบเป็นฝ่ายบริหารฯนั้นที่ได้รับชัยชนะไป เสียงกรี๊ดของสาวๆบริหารฯก็เลยดังกระหึ่ม รวมถึงคยองซูเองที่ปรบมือดีใจอย่างออกนอกหน้า ก็แน่นอนเพราะว่าเขาเรียนบริหารฯนี่นา



“เวอร์ว่ะ” ชานยอลเอ่ยออกมาเบาๆ คนที่อยู่ใต้แขนแกร่งมานานก็ปัดทิ้งแล้วหันไปทำหน้าหาเรื่องแทน



“คณะใครใครก็รักเว้ย ระวังคณะนายให้ดีเถอะ ระวังแพ้คณะฉันก็แล้วกัน”



“ไม่มีทาง คณะฉันมีฉันอยู่ทั้งคนไม่มีทางแพ้หรอก”



“คณะฉันก็มีพี่อี้ฟานเว้ย” อีกคนก็เถียงกลับอย่างไม่ยอมแพ้ มีรุ่นพี่ปีสุดท้ายที่เก่งบาสในระดับไม่ธรรมดาพ่วงด้วยหน้าตาที่ไม่ธรรมดาอีก



“ถ้าได้เจอกัน นายต้องเชียร์ฉันนะ” คนตัวสูงเอ่ยบอกอย่างอ้อนๆ หน้าตาทำให้ดูน่าสงสารมากๆเป็นท่าประกอบด้วย



“เรื่องอะไรเล่า ฉันก็ต้องเชียร์คณะฉันสิ” ชานยอลหุบยิ้มแล้วทำหน้าบึ้งทันที พลางกำหมัดแล้วปล่อยไปหาอีกคนไม่ยั้งด้วยแรงที่ไม่ได้หนักหรอก คนตัวเล็กก็ยืนนิ่งๆมองอีกคนไม่วางตา พอเขาทำท่าจะต่อยกลับคืนบ้างอีกคนก็ถอยหลังหนีแบบไม่จริงจังนัก



“พวกพี่นี่ชอบทำตัวเป็นเด็กๆนะ ไปหาอะไรกินกันเหอะ ผมหิวแล้ว” เซฮุนที่ไม่ได้พูดมานานก็เอ่ยขึ้นเพื่อให้รุ่นพี่ทั้งสองคนรู้ว่าเขายังมีตัวตนอยู่ พี่ทั้งสองคนจึงหยุดการต่อยตีกันแล้วก็พยักหน้ารับน้อง แล้วพากันเดินไปหาอะไรกินเสียที



................................
















และแล้ววันที่ไม่น่าจะรอคอยก็มาถึง เมื่อคณะสถาปัตยกรรมต้องพบกับคณะบริหารฯในการแข่งขันบาสเก็ตบอล คยองซูก็เดินมากับรุ่นน้องคนสนิทอย่างเซฮุนในสนามบาสที่คุ้นเคยที่เคยมาเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ชานยอลเข้ามาเตรียมตัวแข่งตั้งนานแล้ว ดวงตาโตของชานยอลก็พยายามสอดส่ายมมองหาเพื่อนสนิทที่สัญญาว่าจะมาเชียร์ แต่มาเชียร์ใครนี่เขาก็ไม่รู้หรอก



พอเห็นตัวสูงๆของเซฮุนเขาก็เผยรอยยิ้มออกมาเพราะคนที่เดินตามมาเป็นโดคยองซูเพื่อนตัวเล็กแต่ตาโตของเขานั่นเอง ชานยอลหันไปเอ่ยบอกเพื่อนร่วมทีมว่าเดี๋ยวมาก่อนจะวิ่งเหยาะๆมาหาเพื่อนที่ยืนกอดอกคุยกับน้องอยู่



“พี่ชานยอล” เซฮุนยิ้มทักทายทันทีเมื่อเห็นหน้าของคนตัวสูง เขาเองก็มาเชียร์พี่ชายคนนี้อยู่แล้วเพราะเขาไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรกับสองคณะนี้ในเมื่อเขาเรียนอยู่วิศวกรรมศาสตร์ ชานยอลโบกมือทักทายน้องก่อนจะหันมาทักเพื่อนบ้าง



“เชียร์ฉันนะ”



“เรื่อง! เชียร์คณะฉันสิ”



“อะไรอ่ะ เพื่อนอุตส่าห์ลงแข่งนะ”



“คณะฉันก็แข่งเหมือนกันแหละน่า” คยองซูว่าชานยอลก็เลยส่งมือไปเล่นหัวอีกคน คราวนี้คยองซูรีบปัดมืออีกคนทิ้งก่อนทันที “เลิกมากวนประสาทฉันได้แล้ว ไปเตรียมตัวแข่งได้แล้วไป เดี๋ยวแพ้คณะฉันขึ้นมาจะหัวเราะให้สูงเลย”



“งั้นชาตินี้ก็คงสูงได้แค่นี้แหละนะ” รอยยิ้มสดใสของชานยอลเผยออกมาอีกทีแล้วค่อยวิ่งกลับไปยังทีมของตนที่เริ่มประชุมกันก่อนแข่งที่จะเริ่มอีกสิบนาทีข้างหน้า



บรรยากาศดูคึกคักเพราะถ้าการแข่งขันนี้ฝ่ายไหนชนะจะได้เข้าไปชิงที่3 ซึ่งเป็นนัดสำคัญพอสมควร คณะเขาเองก็ขนกันมาเชียร์แบบเต็มรูปแบบก็ไม่ได้ต่างจากคณะของชานยอลเท่าไหร่นักที่ก็จัดเต็มเหมือนกัน



คยองซูและเซฮุนไม่ได้ไปยืนฝั่งไหนแบบจริงจัง เขาเลือกที่จะอยู่เยื้องๆข้างหลังแป้นบาส มองดูนักกีฬาทั้งฝั่งของเขาและฝั่งตรงข้ามประชุมกันอยู่ แมตช์นี้สาวๆเยอะพอสมควรคงจะเป็นเพราะนักกีฬาเสียมากกว่าที่ดึงดูดใจน่ะ



ปรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด



เสียงนกหวีดเรียกให้ทั้งสองทีมเข้าสนาม เท่านั้นแหละเสียงเฮ เสียงกลอง เสียงเชียร์ก็ดังกระหึ่ม ชานยอลยังหันมายิ้มให้คนตัวเล็กของเขาก่อนจะกลับไปตีหน้านิ่งเช่นเดิมเมื่อต้องเข้าสนาม



หลังจากที่กรรมการประกาศอะไรนู่นนี่เสร็จแล้วการแข่งขันก็เริ่มต้นขึ้น ความไวความปราดเปรียวในการแย่งลูกกลมๆสีส้มๆดุเดือดขึ้นตามลำดับ ยิ่งตัวเก็งอย่างอู๋อี้ฟานที่ทำลูก3แต้มได้บ่อยๆทำให้ฝ่ายบริหารฯลำพองใจอยู่เหมือนกัน เสียงเฮก็ตามมาติดๆ



การแข่งขันผ่านไปหนึ่งควอเตอร์คะแนนของสถาปัตย์ฯก็ตามหลังอยู่แค่สองคะแนน ซึ่งมันก็ยังไม่ได้สร้างความหนักใจอะไรเพราะมันก็แค่เริ่มต้นเท่านั้นแต่ก็ประมาทไม่ได้เพราะมันสามารถทิ้งห่างได้เรื่อยๆเหมือนกัน ตาโตๆของคยองซูมองไปที่เพื่อนตัวสูงอย่างให้กำลังใจ พออีกฝ่ายหันมาหาเขาก็ส่งยิ้มให้ ซึ่งชานยอลไม่รู้เลยว่าคยองซูส่งยิ้มให้กำลังใจที่คะแนนตามหลังหรือเยาะเย้ยเพราะคะแนนตามหลังอยู่กันแน่



แต่ก็ช่างเถอะ อย่างน้อยก็ได้กำลังใจจากเพื่อนล่ะนะ



การแข่งขันก็ดำเนินไปเรื่อยๆจนมาถึงควอเตอร์สาม คะแนนของทั้งคู่ก็ผลัดกันนำผลัดกันตามทำเอาทีมเชียร์ใจหายใจคว่ำกันเป็นแถบๆ ชานยอลเลี้ยงลูกบาสอยู่กำลังมองหาเพื่อนร่วมทีมเพื่อจะส่งลูกต่อ แต่เพราะโดนอี้ฟานที่เข้ามาหวังจะแย่งลูกบาส แต่ก็พลาดเพราะทำให้ชานยอลที่กำลังวิ่งอยู่ต้องล้มลงเสียท่า จนต้องเอ่ยขอเวลานอกกันเป็นพัลวัน



อู๋อี้ฟานไม่ได้หล่อแค่หน้าแต่จิตใจเขายังหล่อด้วย เขาส่งมือไปให้อีกคนเพื่อช่วยอีกคนให้ลุกขึ้นยืนพร้อมกับเอ่ยขอโทษด้วย ชานยอลพยักหน้ารับก่อนจะเดินกะเผลกๆไปที่ข้างสนามโดยมีเพื่อนๆช่วยพยุง



“เดี๋ยวพี่มานะเซฮุน” เอียงตัวกระซิบบอกน้องก่อนจะหลบฉากเดินไปหาเพื่อนที่ข้างสนาม ขาของชานยอลอาจะแพลงเลยทำให้ต้องมีการเปลี่ยนตัวแทน คนตัวเล็กเดินเข้ามาหาอีกคนที่นั่งอยู่บนอัฒจรรน์ สะกิดเรียกคนตัวสูงเบาๆ



“เป็นไงบ้าง?” ชานยอลหันมาทางต้นเสียงก่อนจะตีหน้าเศร้าแล้วอ้อนอีกคนทันที



“เจ็บอ่าคยองซู” เพื่อนตัวเล็กเห็นแบบนั้นก็นึกสงสาร มองลงไปข้อเท้าของอีกคนอย่างนึกสงสาร



“เดี๋ยวพี่เค้าก็เอายามานวดให้ นั่นไงมาแล้ว” คยองซูเอ่ยบอกพลางหันไปมองรุ่นพี่สาวฝ่ายพยาบาลถือกล่องมา



“ไหนน้องชานยอล เจ็บตรงไหนมั้ยคะ?”



“เหมือนขาจะแพลงเลยอ่ะพี่ยูริ”



“อ่า โอเค งั้นเดี๋ยวพี่ดูให้นะ” ยูริว่าก่อนจะนั่งลงที่พื้นแล้วมองดูข้อเท้าของรุ่นน้อง คยองซูเห็นว่าเพื่อนของเขามีคนดูแล้วก็เลยว่าจะกลับไปหาเซฮุนที่เขาปล่อยให้ยืนอยู่คนเดียว



“เดี๋ยวฉันมาหาตอนเลิกแข่งนะ ทิ้งเซฮุนไว้คนเดียวอ่ะ” พอจะเดินออกไปก็โดนอีกคนจับแขนเอาไว้แล้วทำหน้าน่าสงสารไปให้



“เซฮุนมันโตแล้วน่าอยู่คนเดียวได้ อยู่กับฉันนี่แหละ ฉันเจ็บเท้านะ ...โอ๊ย! พี่ยูริเจ็บอ่ะ”



“โทษๆ ก็มันแพลงอ่ะพี่ก็เลยจับให้มันเข้าที่ เป็นผู้ชายบ้าอะไรร้องเป็นตุ๊ดเลย” หญิงสาวเอ่ยแซวเบาๆก่อนจะทายาให้อีกคนเบาๆ “นี่ก็อย่าพยายามเดินให้มากนะ แล้วก็ไปซื้อยามานวดมาทาด้วย โอเคมั้ย?”



“อ่า... ครับ ขอบคุณนะครับ” ชานยอลรับคำแล้วส่งยิ้มหวานให้พี่สาวที่เดินกลับไปประจำที่เดิมกับเพื่อนแล้วเอ่ยเสียงเชียร์กันต่อไป



ตยองซูที่โดนีกคนพันธนาการไว้ด้วยมือใหญ่ก็ยอมยืนอยู่ข้างๆอีกคนแล้วมองดูการแข่งขันไปข้างๆกันโดยที่ไม่มีใครพูดอะไรแถมชานยอลก็ไม่ยอมปล่อยข้อมืออีกคนให้เป็นอิสระอีกด้วย จนการแข่งขันดำเนินมาจนถึงวินาทีสุดท้าย



ปี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด



สถาปัตฯชนะบริหารฯไปด้วยคะแนนที่นำเพียงแค่สองคะแนนเท่านั้น เสียงเฮดีใจจากฝั่งของสถาปัตฯก็ดังกระหึ่มทันที รวมทั้งชานยอลด้วยที่โห่ร้องดีใจแล้วหันมาหาคยองซูที่ยืนยิ้มอยู่ข้างๆ คือเขาก็ไม่ได้ดีใจหรือเสียใจอะไรหรอกนะ ใครชนะเขาก็ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรเป็นพิเศษ



“ไง คณะนายแพ้อ่ะ ฮ่าๆๆ” ชานยอลได้ทีก็หันมาแซวเพื่อนตัวเล็กในทันใด “แต่ก็เสียดายนะ อยากเห็นนายหัวเราะจนตัวสูงอ่ะ ฮ่าๆๆๆ” ชานยอลหัวเราะกว้างกว่าเดิมเมื่อพูดถึงจุดเด่น(?)ของเพื่อนตัวเล็ก เห็นแบบนั้นแล้วคยองซูก็เลยใช้หัวของชานยอลที่ตอนนี้อยู่ต่ำกว่าเขาเพราะอีกฝ่ายนั่งอยู่มาเป็นกลองชั่วคราว มือเล็กตีกลองไม่หยุดเลยทีเดียว



“เย้ๆๆๆๆ ‘ถาปัตย์ชนะแล้ว เย้ๆๆ” คยองซูว่าแล้วตีกลอง(ที่หัวของชานยอลคัฟเวอร์อยู่)อย่างสนุกสนาน คนตัวสูงก็พยายามเหลือบตามองอีกคนอย่างเซ็งๆ เออ ตอนนี้ยอมก็ได้ กำลังพิการชั่วคราวอยู่



“เฮ้ย ชานยอล! เป็นไงบ้างวะ?” เสียงของเพื่อนร่วมทีมเดินมาหาแล้วเอ่ยถามถึงอาการ



“ก็ขาแพลงว่ะ แต่พี่ยูริมาดูให้แล้ว ไม่เป็นไรแล้ว”



“แล้วจะหายทันแข่งนัดหน้าป้ะวะ?”



“ไม่รู้เหมือนกันเลยว่ะ” ชานยอลเอ่ยตอบแล้วเพื่อนก็พยักหน้ารับ เพื่อนคนอื่นๆก็เข้ามาดูอาการแล้วก็นัดแนะการซ้อมอีกครั้ง ก่อนจะแยกย้ายกันกลับไปคนละทาง



“เซฮุนไปไหนนะ?” คยองซูมองหารุ่นน้องที่ไม่เห็นแม้แต่เงา



“มันก็โตแล้ว คงกลับไปแล้วมั้ง? ทีนี้เหลือแค่นายเท่านั้นแหละ ต้องพาฉันไปส่งที่ห้องเลยนะ”



“รู้แล้วน่า ปล่อยให้คนช่วยเหลือตัวเองอย่างนายกลับเองได้ไง เดี๋ยวได้เป็นอีกข้าง คราวนี้คงต้องพึ่งวีลแชร์แล้วล่ะ”



คยองซูเก็บของให้คนตัวสูงก่อนจะเอามาแบกเอาไว้เอง ก่อนจะเดินไปช่วยพยุงอีกคนให้ลุกขึ้น



“เดี๋ยวฉันถือของเอง”



“ไม่ต้อง! เดินด้วยตัวเองให้ได้ก่อนเถอะ” คยองซูบอกปัดก่อนจะกอดเอวอีกคนไว้ ส่วนชานยอลก็ยิ้มออกมาแล้วยอมเออออตาม ที่บอกไปก็เพราะสงสารหรอกเห็นสะพายกระเป๋าของตัวเองแล้วยังต้องมาแบกกระเป๋ากีฬาของเขาอีก ตัวก็น้อยนึง เห็นแล้วสงสารยังไงไม่รู้สิ



สองร่างสูงเล็กเดินกอดเอวกอดไหล่เคียงข้างกันไปตามฟุตบาธในมหาวิทยาลัย ใบหน้าหล่อก็ประดับรอยยิ้มเอาไว้ซึ่งมันก็ไม่ต่างจากใบหน้าเด็กๆของคยองซูซักเท่าไหร่หรอก



“ขอบใจนะ” อยู่ดีๆชานยอลก็เอ่ยแหวกความเงียบขึ้นมา คยองซูเงยหน้าขึ้นไปมองอย่างสงสัย



“อะไร?”



“ก็วันนี้ไง อุตส่าห์มาดูอาการฉันน่ะ”



“เอ๊า! ก็เพื่อนนี่หว่า จะไม่ห่วงได้ไงเล่า?”



“โอ๊ยใจดีอ่ะ รักคยองซูจังเลย”



“แหม ทีงี้ทำปากหวานเชียวนะ” คนตัวเล็กว่าด้วยใบหน้าแดงๆ แต่ก็ใช่ว่าหน้าชานยอลจะไม่แดง ก็แดงไม่แพ้กันหรอก



“อย่าไปรักใครมากกว่าฉันล่ะ”



“บอกตัวเองเถอะปาร์คชานยอล”



บางทีความรักมันก็อยู่ในรูปแบบเพื่อนสนิทนะ














END.













ชานซูเรื่องแรก ผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ :D
หวังว่าแม่ยกชานซูจะแวะมาหากันบ้างเนาะ :D 
เมนต์ติ เมนต์ชมกันได้นะคะ จะได้มีแรงอัพชานซูต่อ อิอิ